การเลี้ยงปลาเลี้ยงสวยงาม ปัญหาเรื่องโรคนับเป็นปัญหาที่สำคัญที่ต้องศึกษาให้รู้และเข้าใจได้อย่างถูกต้อง ตามปกติในช่วงชีวิตหนึ่งๆ ของสิ่งมีชีวิตที่เกิดขึ้นมาบนโลกย่อมหลีกลี้หนีจากโรคภัยไข้เจ็บไม่พ้น การเจ็บป่วยของคนเราเมื่อรู้สึกเจ็บป่วย เราสามารถที่จะปรึกษาแพทย์ให้ช่วยเยียวยารักษาได้ แต่อาการเจ็บป่วยของปลาที่เลี้ยงไว้ในที่กักขังจะทราบได้อย่างไร นับว่าเป็นเรื่องที่ยากมากในการตัดสินใจว่าปลาเป็นโรคหรือยัง หรือถ้าเป็นปลาจะเป็นโรคอะไร แต่ถ้าหากปลาป่วยเป็นโรคที่เกิดขึ้นทางภายนอกแล้ว การสังเกตและเอาใจใส่ของผู้เลี้ยงก็พอที่จะเป็นหลักได้ว่าปลาเป็นโรคแล้วหรือยังไม่เป็น ลักษณะภายนอกและความผิดปกติของปลาที่ป่วยอยู่นั้น จะสังเกตได้ดังนี้ |
ตามบริเวณลำตัวและครีบอาจมีจุดขาว มีเมือกมาก มีอาการตกเลือดตามเกล็ดของลำตัว และเป็นแผล ครีบอาจขาด หรือแหว่ง มีปุยขาวๆ เกาะติดอยู่ ปลาชอบที่จะนำลำตัวถูกับภาชนะที่เลี้ยง กินอาหารได้ลดลง หรือไม่กินอาหารเหลือ ลอยหัวขึ้นมาฮุบเอาอากาศบนผิวน้ำบ่อยๆ หลังจากเปลี่ยนน้ำแล้ว การทรงตัวไม่ดีว่ายน้ำเอียงไปมา อาจมีอาการหงายท้องเซื่องซึม เหงาหงอย ผิดปกติ ชอบหลบอยู่บริเวณมุมตู้ ลักษณะดังกล่าวเมื่อเกิดขึ้นกับปลาสวยงามให้กังเกตุไว้ก่อนได้เลยว่า ปลาที่เลี้ยงไว้เป็นโรค โรคที่เกิดขึ้นกับปลาสวยงามแยกออกได้หลายประเภท ได้แก่ โรคที่เกิดจากปรสิต แบคทีเรีย เชื้อรา และไวรัส |
|
โรคที่เกิดจากปรสิต |
โรคที่เกิดจากปรสิต ปรสิตทำอันตรายต่อปลาสวยงามที่เลี้ยงไว้อย่างยิ่ง ในบางครั้งอาจทำให้ปลาเสียรูปทรงเกิดเป็นจุดดำ ๆ ด่าง ๆ ไม่สวยเช่นเดิม ปรสิตมักจะเกาะปลาบริเวณที่เหงือก ลำตัวปลาที่พบอยู่เสมอๆ ในการเลี้ยงปลาสวยงาม ได้แก่ |
โรคอิ๊ค เชื้อโรคนี้เป็นโปรโตซัวที่มีรูปร่างกลม หรือรูปร่างไข่ มีขนสั้นๆ รอบตัว ลักษณะที่เด่นก็คือมีนิวเครียสเป็นรูปเกือกม้า เมื่ออิ๊คเข้าไปเกาะใต้ผิวหนังของปลา ปลาจะสร้างเซลล์หุ้มตัวดูเป็นสีขาวๆ ปลาที่เป็นโรคนี้จะสังเกตุได้โยปลาจะพยายามเอาตัวของมันถูตามข้างๆ ภาชนะหากปล่อยไว้ปลาก็จะมีจุดสีขาวๆ ทั่วทั้งตัว และจะตายในที่สุด |
ในการป้องกันโรคอิ๊ค สามารถที่จะกระทำได้โดยไม่เลี้ยงปลาให้ปะปนกัน ไม่ใช้เครื่องมือต่างๆ ร่วมกัน เครื่องมือต่างๆ ที่ใช้ตักปลาเป็นโรค ควรทำความสะอาดด้วยคลอรีน หรือฟอร์มาลน ก่อนการใช้ในครั้งต่อไปเมื่อพบว่าปลาป่วยเป็นโรคนี้ จะใช้ฟอร์มาลิน 1.5-2.5 ซีซี ในน้ำ 1,000 ลิตร ผสมกับมาลาไคท์กรีน 0.1 ซีซี ทำการแช่ตลอดไป |
ปลิงใส เป็นพยาธิตัวแบนชนิดหนึ่งมีขนาดใหญ่พอที่จะมองเห็นด้วยตาเปล่า ปลิงใสจะเข้าเกาะบริเวณครีบและซี่เหงือกของปลาทำให้ปลาอ่อนแอ และระคายเคืองปลาจะสร้างเมือกออกมามากผิดปกติ ในปลาที่มีขนาดใหญ่ปลิงใสเพียงแต่ทำให้ให้มีแผลจากรายเกาะเพียงเล็กน้อยเท่านั้นไม่เป็นอันตรายมากเท่าใดนัก แต่ในปลาที่มีขนาดเล็กนั้นปลิงใสเป็นอันตรายต่อปลาถึงตายได้ |
เมื่อพบปลิงใสเกาะอยู่ตามบริเวณลำตัวของปลา ควรรีบกำจัดเสียแต่โดยเร็ว วิธีกำจัดที่ได้ผลดีที่สุดคือการใช้ดิวเทอเร็กซ์ 0.25 มิลลิกรัมต่ำน้ำ 1 ลิตร แช่ตลอดไป จะทำให้ปลิงใสตายหมดไป |
เห็บปลา เห็บปลาเป็นปรสิตบนลำตัวของปลาที่มีขนาดใหญ่ มีสีเขียวสีน้ำตาล สังเกตลักษณะของเห็บได้ง่ายเห็บปลาจะลำตัวแบนกลมด้านหลังโค้งมน ปากมีอวัยวะสำหรับการเกาะดูด ปลาสวยงามที่ถูกเห็บเกาะจะเกิดอาการระคายเคืองจะว่ายน้ำเอาลำตัวถูกตามขอบตู้ปลาเช่นกัน ตัวที่มีอาการหนัก การทรงตัวจะสูญเสียไป |
การกำจัดเห็บปลา จะใช้ดิฟเทอเร็กซ์ 0.25 ซีซี ต่อน้ำ 1 ลิตร ทำการแช่ไปตลอด 1 สัปดาห์ ให้ถ้ายน้ำเปลี่ยนยาใหม่ประมาณ 5 ครั้ง เช่นเดียวกันกับการกำจัดหนอนสมอ |
เห็บระฆัง มีรูปร่างคล้ายระฆังคว่ำ มีขนาดเล็ก มีขนสั้นรอบตัวเป็นวงสำหรับใช้ในการเคลื่อนที่จะพบเห็บชนิดนี้บนลำตัวปลา ครีบและบริเวณเหงือก ส่วนเหล่านี้จะมีสีขาวๆ และมีเมือกมาก ในที่สุดผิวหนังก็จะเป็นแผล เกิดเป็นดวงขาวๆ และในที่สุดปลาก็ตาย |
ในการป้องกันโรคนี้ พยายามใช้นำที่แน่ใจว่าสะอาดจริงๆ และไม่เลี้ยงปลาให้ปะปนกัน เมื่อพบว่าปลาที่ป่วยเป็นโรคนี้จะกำจัดได้โดยใช้ฟอร์มาลิน 1.5-2.5 ซีซี ในน้ำ 1,000 ลิตร ผสมกับมาลาไคท์กรีน 0.1 ซีซี ทำการแช่ตลอดไป |
หนอนสมอ ปลาสวยงามที่มีเกล็ดเกือบทุกชนิด หนอนสมอมักจะเข้าเกาะตามลำตัวของปลา ปลาจะเกิดอาการระคายเคืองเป็นอย่างมาก หากมีหนอนสมอเกาะอยู่แล้วปลามักจะชอบเอาลำตัวถูตามข้างภาชนะ ทำให้เกล็ดหลุดเป็นแผลได้อาการถูกตัวกับข้างภาชนะทำให้เกล็ดหลุดเป็นแผลได้ อาการถูกตัวกับข้างภาชนะนี้จะเหมือนกับโรคอิ๊ค ดังนั้นเมื่อพบอาการดังกล่าว ให้จับปลาขึ้นมาดูหากเป็นหนอนสมอ จะสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ลำตัวยาวรูปทรงกระบอก ส่วนหัวมีลักษณะคล้ายตะขอ หากไม่พบก็แสดงว่าปลาเป็นโรคอิ๊คก็ได้ |
เมื่อพบว่าปลามีหนอนสมอเกาะอยู่การกำจัดที่ได้ผลดีที่สุด คือการใช้ ดิพเทอเร็กซ์ 0.25 ซีซี ต่อน้ำ 1 ลิตร แช่ตลอดไป ตลอด 1 สัปดาห์ ให้ถ่ายน้ำเปลี่ยนยาใหม่ประมาณ 5 ครั้ง หนอนสมอจะตายหมดไปจากตู้ปลา |
|
โรคที่เกิดจากแบคทีเรีย |
ในสภาพปกติในน้ำที่เลี้ยงปลา จะมีแบคทีเรียที่สามารถทำให้ปลาป่วยเป็นโรคได้อยู่แล้ว แต่จำนวนของแบคทีเรียมีจำนวนที่ไม่มากพอและปลาก็มีภูมิคุ้มกันโรคอยู่แล้วในตัวของปลาเอง เมื่อใดที่สภาพของน้ำไม่เหมาะสมอาหารเหลืออยู่มาก เป็นสาเหตุให้น้ำเน่าเสีย ปลาอ่อนแอ เพราะถูกรบกวนจากปรสิตหรือคน สิ่งเหล่านี้จะทำให้ปลาป่วยเป็นโรคได้เพราะภูมิคุ้มกันตัวเองจะลดลง ประกอบกับการเพิ่มจำนวนได้ของแบคทีเรีย แอโรโมนาส ไฮโดรพิลลา ปลาที่มีเชื้อโรคชนิดนี้จะว่ายน้ำเชื่องช้าลอยหัว ไม่กินอาหาร ส่วนใหญ่จะมีบาดแผลบนลำตัว ครีบท้องบวมน้ำ เกล็ดพอง ตาโปน |
การป้องกันไม่ให้ปลาอ่อนแอ และการเพิ่มจำนวนของแบคทีเรียนับเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง โดยการไม่ให้อาหารปลาจนเหลือไม่เลี้ยงปลาหนาแน่น ถ่ายเทน้ำให้ใหม่อยู่เสมอเพื่อระดับของออกซิเจนจะได้คงเดิมเพียงเท่านี้ แบคทีเรียจะไม่สามารถทำอันตรายปลาที่เลี้ยงไว้ได้ หากปลาเริ่มแสดงอาการผิดปกติเนื่องจากแบคทีเรียจะใช้ยาคลอแรมฟินิโคล 50-80 มิลลิกรัมใส่ลงในน้ำ 1 ลิตร |
|
โรคที่เกิดจากเชื้อรา |
เชื้อราเกิดได้ทั้งในมนุษย์และสัตว์ ปลาสวยงามที่เป็นเชื้อราจะเห็นปลามีลักษณะเหมือนปุยสำลี บริเวณบาดแผลหรือบริเวณส่วนต่างๆ ของปลาอยู่เสมอ การติดเชื้อราโดยส่วนมากแล้ว จะเกิดหลังจากปลาได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลเกิดขึ้นบนลำตัว ในระหว่างการขนส่ง ซึ่งพอจะสรุปได้ว่า การติดเชื้อราจะเกิดขึ้นได้เมื่อปลาบอบช้ำแล้ว เชื้อราที่พบเสมอๆ ในปลาสวยงามคือ แซพโปรเล็กเนีย เชื้อชนิดนี้เมื่อเกิดขึ้นจะมีผลทำให้ปลาเสียสมดุลย์ในการทรงตัว |
การป้องกันเชื้อราโดยหลักการแล้วความสะอาดนับเป็นเรื่องสำคัญ ระมัดระวังอย่าให้น้ำที่ใช้เลี้ยงปลาสกปรกอย่าให้ปลาบอบช้ำและมีบาดแผลบนลำตัวเพราะจะเกิดการติดเชื้อได้ง่าย เมื่อพบว่าปลาเกิดการติดเชื้อรา การกำจัดทำได้โดยการใช้ยา มาลาไคท์กรีน โดยความเข้มข้น 1 ต่อ 15,000 แช่เป็นเวลานาน 10-30 วินาที หรือจะใช้ในอัตรา 0.1 ซีซี ในน้ำ 1,000 ลิตร แช่นานตลอดไปจะช่วยกำจัดเชื้อราลงได้ |
|
โรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส |
ไวรัสเป็นเชื้อจุลินทรีย์ที่มีขนาดเล็กมาก ที่พบว่าทำให้เกิดโรคในปลาสวยงามในไทยเสมอๆ มีเพียง 1 ชนิดคือลิมโฟซิสติส อาการของปลาที่ติดเชื้อนี้สังเกตได้ง่าย จะมีตุ่มนูนขึ้นมาจากผิวหนัง คล้ายเนื้องอกยื่นออกมา ปลาที่เป็นโรคชนิดนี้จะหมดความสวยงามลง โรคนี้ไม่ถึงกับทำให้ปลาตาย การรักษาไม่มีการใช้ยาและสารเคมี เนื่องจากเชื้อไวรัสจะเป็นเพียงระยะหนึ่งแล้วจะหายไปเอง |
|
โรคที่พบในปลาหางนกยูงและวิธีรักษาโรค |
โรคที่พบอาจะเกิดจากสาเหตุหลายประการ ได้แก่ ปรสิต แบคทีเรีย สภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม เช่นออกซิเจนในน้ำน้อย อุณหภูมิเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สาเหตุเหล่านี้ไม่รุนแรงพอที่จะทำให้ปลาตาย แต่ทำให้ปลาเกิดความเครียด มีผลกระทบต่อระบบต่างๆ ของร่างกาย ทำให้ภูมิต้านทานลดลง โรคที่พบได้แก่ |
1. | โรคจุดขาว (white sp. Disease) เกิดจากสัตว์เซลล์เดียวชื่อ lchthyophthirus multifilis หรือชื่อย่อ lch (อิ๊ค) อิ๊คเข้าเกาะตัวปลาและตัวที่ผนังชั้นนอกของปลาสร้างความระคายเคือง ปลาจะสร้างเซลล์ผิวหนังหุ้มอิ๊ค ทำให้เห็นเป็นจุดสีขาว ยังไม่มีวิธีการกำจัดอิ๊คที่ฝังอยู่ใต้ผิวหนัง แต่วิธีการที่ได้ผลคือการทำลายตัวอ่อนในน้ำสารเคมีที่ใช้ได้ผลดี คือ ฟอร์มาลีน 30-40 ppm. ผสมกับมาลาไค้ทกรีน 0.1 ppm. แช่ติดต่อกัน 3-4 วัน จะให้ผลดีมาก โดยเฉพาะเมื่อน้ำมีอุณหภูมิประมาณ 25-30 C | 2. | โรคสนิม เกิดจากสัตว์เซลล์เดียว (Oodinium sp.) เกาะตามเหงือกและผิวหนัง ถ้าเกาะจำนวนมากจะเห็นเป็นลักษณะคล้ายกำมะหยี่สีเหลืองปนน้ำตาลกระจายเป็นหย่อมๆ การป้องกันและกำจัดควรใช้เกลือแกงเข้มข้น 1% แช่ปลานาน 24 ชั่วโมง ควรทำซ้ำทุก 2 วัน จนกว่าจะหาย | 3. | โรคที่เกิดจากปลิงใส เกิดจากปรสิตตัวแบน 2 ชนิดคือ Gyrodzdtylus และ Dactylgyrus มักพบตามบริเวณเหงือกและผิวหนัง การรักษาใช้ฟอร์มาลินเข้มข้น 30-40 ppm. หรือ ดิพเทอร์เร็กเข้มข้น 0.25 - 0.5 ppm. แช่ทิ้งไว้ตลอดไป | 4. | โรคที่เกิดจากหนอนสมอ (Lerneae sp.) หนอนสมอมีลำตัวเป็นรูปทรงกระบอก ส่วนหัวคล้ายสมอซึ่งทำหน้าที่ยึดเกาะกับตัวปลา การรักษาใช้ดิพเทอร์เร็กซ์เข้มข้น 0.25-075 ppm. แช่นาน 24 ชั่วโมง แช่น้ำ 3-4 ครั้ง แต่ละครั้งห่างกัน 5-6 วัน | 5. | โรคที่เกิดจากแบคทีเรีย เกิดจากแบคทีเรียสกุล Aeromonas และ Pseudomonas อาการที่พบก็คือ ท้องบวมน้ำ เกล็ดพอง รักษาโดยใช้ยาปฏิชีวนะ เช่น ออกซิเตตราไซคลิน ผสมลงในน้ำในภาชนะที่เลี้ยงในอัตรา 10-20 ppm. หรือจะใช้ | |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น