ตู้พรรณไม้น้ำสวยงาม เป็นตู้ปลาสวยงาม แนวใหม่ ซึ่งเน้นการตกแต่งตู้ปลา ด้วยพรรณไม้น้ำ สวยๆ หลายๆ ชนิดคล้ายๆ กับการจัดสวน จุดที่สำคัญ คือ สามารถเลี้ยงพรรณ ไม้น้ำนั้นอยู่ รอดและสวย ได้โดย อาศัยความรู้และ อุปกรณ์ที่จำเป็น ผู้เลี้ยงส่วนใหญ่ชอบที่ จะนำพรรณไม้น้ำ สวยงามมา ตบแต่งตู้ปลา แต่มักจะอยู่ได้ ไม่นาน พรรณไม้น้ำ จะตาย หรือไม่ เจริญ เติบโตสวยงาม ทั้งนี้เนื่อง จาก ยังขาด ปัจจัยหลายอย่าง บางท่าน อาจ ตัดปัญหา ใช้พรรณไม้น้ำ พลาสติก แทน ซึ่งหากผู้เลี้ยงมีความรู้ ความเข้าใจ มีอุปกรณ์เพียงพอ ก็จะเลี้ยงพรรณไม้น้ำ นั้นได้ นอกจากจะมีความ สวยงามแล้วยังมีประโยชน์ อย่างยิ่งต่อปลาที่เลี้ยง
ประเทศไทยมีโอกาสที่จะขยาย การผลิตพรรณไม้น้ำได้อีกมาก ในขณะที่สิงคโปร์ มีที่ดินน้อยกว่า และแรงงานมีราคาสูง แต่สามารถ เพาะและส่งออกปีละหลาย ล้านบาท ในขณะนี้ไทยยังผลิตส่งออกน้อยมากเมื่อเทียบ กับสิงคโปร์ ตู้พรรณไม้น้ำ สวยงาม นั้นมีความ สวยงามมาก สามารถใช้สำหรับการตกแต่งภาย ในสถาน ที่ต่างๆ เช่น ภายในบ้าน ห้องทำงาน ห้องพักผ่อน เป็นต้น ในต่าง ประเทศ เช่น เนเธอร์แลนด์ เยอรมันนี ญี่ปุ่น นิยมการจัดตู้พรรณไม้น้ำ อย่างมาก ในประเทศไทยเองยังเป็นเรื่องใหม่ ความรู้ความเข้าใจ ในเรื่องการ เลี้ยง พรรณไม้น้ำ ในตู้ปลาจึงเป็นเรื่องที่ต้องศึกษา ทำความเข้าใจกัน
การจัดตู้พรรณไม้น้ำ
การจัดตู้พรรณไม้น้ำจำเป็นต้องเข้าใจ ถึงธรรมชาติและความต้องการ ของพรรณไม้น้ำเสียก่อน พรรณ ไม้น้ำ หรือบางครั้ง ที่เรียกกันว่า "สาหร่าย" ซึ่งมีสาหร่ายจริงเพียงบางส่วนนั้น มีความต้องการปัจจัย สำคัญๆ หลายประการคือ แสงสว่างที่พอเหมาะและ เพียงพอ ซึ่ง ตู้ปลาทั่วไปจะมีน้อยเกินไป ปุ๋ยและแร่ ธาตุอาหาร ที่จำเป็นสม่ำเสมอ ตู้ปลาส่วนใหญ่ก็ไม่มี เพราะใช้น้ำประปา ซึ่งถูกกำจัดออกไป เกือบทั้งหมด แล้ว ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ สำหรับใช้ใน การสังเคราะห์แสง กระแสน้ำที่ช่วยพัด พาแลก เปลี่ยน ของเสียบนใบพืชน้ำ ตู้ปลาโดยทั่วไปมักขาด สิ่งที่กล่าวมาแล้ว ทำให้พรรณไม้น้ำที่ปลูกไว้ค่อยๆ ตายไป ซึ่งเมื่อเราเตรียมอุปกรณ์ ให้ได้ตามความต้องการ ของพรรณไม้น้ำแล้วจะพบว่า พรรณไม้น้ำ จะอยู่ทนทาน มากตลอดจนมีการขยายพันธุ์เจริญเติบโตเพิ่มขึ้นอีกด้วย
อุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการจัดตู้พรรณไม้น้ำ ประกอบด้วย
ตู้ปลา
ตู้ปลาส่วนใหญ่นิยมตู้กระจก ความลึกไม่เกิน 24 นิ้ว เพื่อความสะดวก ในการตกแต่งพรรณ ไม้น้ำหากลึก มากเกินไป จะทำงานไม่ สะดวก และแสงสว่าง จะส่องไม่ถึงพื้นตู้ ส่วนความกว้างยาว ขึ้นอยู่กับ พื้นที่ตั้งที่เหมาะสม ส่วนใหญ่จะนิยมตู้ ขนาดไม่ ใหญ่นัก ขนาดความยาว 24 นิ้ว ถึง 36 นิ้ว เพราะต้องปลูกพรรณ ไม้น้ำแน่นจึงจะสวย ตู้ใหญ่จะต้องใช้พรรณ ไม้น้ำมาก
สถานที่ตั้ง ควรตั้งในที่ร่ม ส่วนใหญ่จะอยู่ ในห้องหากอยู่ ในห้องปรับ อากาศจะดีมาก เนื่องจากมีอุณหภูมิเย็น ค่อนข้างคงที่ พรรณไม้น้ำจะอยู่ ได้ดีกว่านอก ห้องปรับอากาศ ไม่ควรให้ตู้พรรณไม้ ถูกแสงแดดส่งโดยตรง เพราะการ ควบคุม ปริมาณแสงทำได้ยาก และอุณหภูมิ ของน้ำ อาจเปลี่ยน แปลงได้ง่าย เนื่องจากส่วนใหญ่ปริมาตรของน้ำ ในตู้ปลา ไม่มากนักและ ยังทำให้มีตะไคร่เกิด ขึ้นง่ายอีกด้วย การตั้งตู้พรรณ ไม้น้ำสวยงาม ที่ทำฝัง เข้าผนังแล้ว ใช้บัวล้อมกรอบตู้ จะสวยงามคล้ายภาพวาด เหมาะสำหรับ การ ตบแต่งภาย ใน อย่างยิ่ง
ระบบแสงสว่าง
แสงสว่างเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่ง ต่อความเป็นอยู่รอด ของพรรณ ไม้น้ำ พรรณไม้น้ำต้อง การแสงสว่าง ในการสัง เคราะห์ แสง ตู้ปลา ทั่วไปมัก มีแสงสว่างไม่เพียงพอ เพราะปกติจะมีหลอดฟลูออเรส เซนท์ เพียง 1-2 หลอด บนฝาตู้ปลา แสงสว่างที่พอเหมาะ โดยประมาณ คือ
ใช้ หลอดฟลูออเลสเซนบนาด 20 วัตต์ ต่อน้ำ 40 ลิตร โดยความลึกของน้ำไม่เกิน 18 นิ้ว "ตัวอย่าง ตู้ปลาขนาดความยาว 30 กว้าง 18 นิ้ว สูง 18 นิ้ว จุน้ำ 120 ลิตร ต้องใช้หลอดฟลูออเรสเซนท์ 3 หลอด"
หากภายในโคมไฟสามารถบุด้วยวัสดุสะท้อนแสงได้ จะทำให้แสงสว่างไม่ถูกดูดกลืนที่โคมไฟ ซึ่งแสงที่ถูกดูดกลืนอาจเสียไปถึง 20 เปอร์เซนต์ ทีเดียว การใช้หลอดฟลูออเรสเซนท์ ต้องคำนึงถึงการเสื่อมลงของหลอดด้วย เนื่องจากหลอดฟลูออเรสเซนท์ จะเสื่อม ประสิทธิภาพลงเรื่อยๆ ในระยะเวลา 6 เดือน จะเสื่อมลง เท่ากับ 50 เปอร์เซนต์
สีของแสงก็มีความสำคัญในการเลือกสีของหลอด ควรเลือกสีที่ใกล้เคียงกับแสงธรรมชาติ เพราะหากเลือกแสงสีแดงหรือ แสงช่วงคลื่นยาว ซึ่งพืชสังเคราะห์แสงได้ดีที่สุด จะทำให้ พืช โตในทางยืดตัว หากใช้แสงสีน้ำเงิน หรือแสงช่วงคลื่นสั้น พืชจะเป็นพุ่ม ไม่ยืดตัว ดังนั้น จึง ควรผสมสีหลอดเพื่อไม่ให้พืชยืด ตัวเร็วเกินไปหรือ โตช้าเกินไป หลอด ฟลูออเรสเซนท์ มีหลายชนิดที่เหมาะกับการใช้เลี้ยงพรรณไม้น้ำ ที่มีจำหน่าย ในท้อง ตลาด ได้แก่ หลอด Triton หลอด Aquastar หลอด Cool White หลอด Design หลอดนีออนสีฟ้า และ หลอด Day Light ทั่วไป เป็นต้น
นอกจากหลอดฟลูออเรสเซนท์แล้ว ยังมีหลอดไฟชนิดส่อง เป็นโคมจากด้าน บนซึ่งมีความ สว่างมาก แต่มีราคาแพง ได้แก่ หลอด Mercury Vapour หลอด Halogen และหลอด Metal Halide ซึ่งดีที่สุด ข้อดีขอหลอดไฟดังกล่าว คือ หลอดมีกำลังส่อง สว่างมาก และให้แสงใกล้เคียงกับธรรมชาติ การเสื่อม ของหลอดช้ากว่า และเนื่องจากเป็นแสงที่ส่อง ลงเป็นจุด ไม่กระจายแบบหลอดฟลู ออเรสเซนท์ ทำให้ส่องลงในตู้ที่มีความลึกได้ดี ทั้งยังปลูกพรรณ ไม้น้ำที่ต้องการ แสงสว่างมากในจุด ที่อยู่ตรงกลาง และปลูกพรรณไม้น้ำที่ต้องการแสงน้อย อยู่รอบนอกจุดส่องสว่าง ทำให้การจัด ตู้พรรณไม้น้ำ ทำได้ ตามความต้องการ แสงของพรรณไม้น้ำ แต่ละชนิดได้ หลอดไฟชนิดส่องจาก ด้านบน จะไม่มีปัญหา เรื่องความร้อน นอกจากจะส่องใกล้มาก ไม่เหมือนกับฝาครอบไฟ ตู้ปลาที่ใช้หลอดฟลูออเรสเซนท์ ซึ่งมักมีความร้อนจากหลอดไฟ และบาลาสลงไปในน้ำบางครั้ง อุณหภูมิของน้ำจะสูง ขึ้นมาก จนพรรณไม้น้ำ ไม่สามารถทนอยู่ได้ ส่วนใหญ่นิยม ติดพัดลม ระบายอากาศ ไว้ที่ฝาครอบไฟ เพื่อระบายความร้อนออกไปได้รวดเร็ว การย้ายบาลาสไว้นอก ฝาครอบไฟก็จะช่วย ลดปริมาณ ความร้อน ได้อีกทางหนึ่ง ตู้พรรณไม้น้ำบางตู้อาจติดตั้งเครื่องทำน้ำเย็น (Chiller) ซึ่งจะทำให้ตู้พรรรณไม้น้ำเย็นสม่ำเสมอ พรรณไม้น้ำก็จะสมบูรณ์ดีมาก
น้ำและระบบกรองน้ำ
คุณภาพของน้ำที่ดีเป็นปัจจัย สำคัญอีกประการหนึ่งที่จะช่วยให้พรรณไม้น้ำอยู่ได้ดี พรรณไม้น้ำ ต้องการน้ำที่มี ความใสสะอาด ความกระด้างน้อย หากน้ำมีความกระด้างมากควรทำให้น้ำอ่อน ลงโดยการกรองผ่านสาร ดูดความกระด้างจำพวก ION exchange resin ปกติน้ำประปาที่พักไว้ 2-3 วัน สามารถ นำมาใช้ได้ดี ระดับความกระด้างรวม Total Hardness ที่พอเหมาะ คือ 8-16 dH (1 dH = 10 มก. ออกไซด์ของ แคลเซี่ยม หรือ แมกนีเซี่ยม ในน้ำ 1 ลิตร ) ส่วน Carbonate Hardness (Alkalinity) ก็เป็นอีกส่วนที่เกียวพันกับพรรณไม้น้ำ มาก
ปกติพืชจะใช้คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ในการสังเคราะห์แสง หากในน้ำมี Carbonate Hardness น้อย พืชจะดึงคาร์บอนได ออกไซด์ จาก ไบคาร์บอเนตในน้ำมาใช้ ทำให้เกิดปรากฎการณ์ ของการตกตะกอน ของแคลเซี่ยมบนใบ พรรณไม้น้ำ หรือเกาะตามพื้น ผนังของตู้ปลา เรา เรียกปรากฎการณ์ นี้ว่า Biogenic Decalcification ซึ่งหากเติมก๊าซ CO2 กลับลงไป ก็จะหายกลับดังเดิม ความเป็นกรดด่างของน้ำที่ใช้ ควรรักษาให้อยู่ในระดับ 6.6- 7.5 จะดีที่สุด อุณหภูมิของน้ำควรให้มี อุณหภูมิที่ค่อนข้างเย็น จะได้ผลดีกว่า อุณหภูมิที่เหมาะคือ 26-28 c
กระแสน้ำ มีความสำคัญต่อพรรณไม้น้ำมาก กระแสน้ำจะ ช่วย พัดพา เอาของเสีย หรือสิ่งสกปรกบนใบ ไม้ให้หลุดออกไป และพัดพาเอาน้ำสะอาด ที่มีปุ๋ย และก๊าซที่จำเป็น สำหรับพืชมา ให้กับพรรณไม้น้ำ ในตู้พรรณไม้น้ำจึง ควรมีเครื่องปั๊มน้ำ ขนาดเล็กทำกระแสน้ำในตู้ และเนื่องจากเราต้องการให้มี ก๊าซ CO2 ในน้ำเพื่อให้พรรณไม้น้ำ ใช้สังเคราะห์แสงจึงไม่ควร ให้มีฟองอากาศ จากปั๊มลม เพราะจะทำให้ CO2 ในน้ำหนีออกไปในอากาศ
ระบบกรองน้ำแบบ กรองใต้ทราย (Undergravel Filter) จึงไม่เหมาะสมกับการปลูกพรรณไม้น้ำ ระบบกรองน้ำที่เหมาะสม คือ ระบบปั๊มกรองมุมตู้ (Corner Filter) ซึ่งใช้ติดตั้งภายในตู้ มีฟองน้ำ เป็นวัสดุกรอง และมีปั๊มน้ำ เป็นตัวปั๊มให้น้ำผ่านวัสดุกรองพร้อมกับเป่าออกมาให้เกิดกระ แสน้ำในตัว ซึ่งเมื่อฟองน้ำสกปรก ก็สามารถถอด ออกมาทำความสะอาดได้ง่าย
วัสดุที่ใช้ปลูกพรรณไม้น้ำ
โดยทั่วไปจะใช้กรวดแม่น้ำหรือ กรวดควอท์ ขนาดเล็ก ประมาณ 2-3 มม. ปูพื้นตู้ปลาหนา ประมาณ 2-3 นิ้ว ไม่ควรใช้กรวดประการัง เนื่อง จาก จะทำให้น้ำมี ความกระด้างมาก ใต้ชั้นกรวด อาจใส่ปุ๋ยพรรณไม้น้ำ สำเร็จรูป ซึ่งมีแร่ธาตุ หลาย ชนิด โดย เฉพาะมี ธาตุเหล็ก ที่ช่วยให้พืชน้ำแข็งแรง มีใบสีเข้มสวย และอาจมี ฮอร์โมน เร่งรากผสม อยู่ ช่วย ให้พรรณ ไม้น้ำ ฟื้นตัว ได้เร็วขึ้น
ปุ๋ยและ CO2
ปุ๋ยและ CO2 เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ พรรณไม้น้ำอยู่ได้ดี และเจริญเติบโต เป็นปกติ ในน้ำประปา ที่เรานิยม นำมาใช้ใส่ตู้ จะขาดธาตุ ที่จำเป็นต่อพืชน้ำหลายชนิด ธาตุอาหารที่ พืชน้ำต้องการ ได้แก่ ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โปแตสเซี่ยม เหล็ก แมงกานีส และอื่นๆ ส่วนใหญ่ เราจะไม่ใส่ฟอสฟอรัส มากเกินไป เนื่องจากจะทำให้เกิด ตะไคร่ได้ง่าย โปแตสเซี่ยมจะเป็นธาตุ ที่ขาดในตู้พรรณไม้น้ำ ในขณะที่ไนโตรเจน ได้จากสิ่ง ขับถ่ายของปลา เหล็กและแมงกานีส จะไม่มี หรือมีแต่ตกตะกอน ได้ง่าย
เมื่อ ถูกกับออกซิเจน ดังนั้นจึงต้งใช้ในรูป ของ Chelate ปุ๋ย ทั่วไปที่ ใช้ในฟาร์มพรรณไม้น้ำ ในเมืองไทย คือ สูตร 27/17/10 หรือ 30:20:10 ในขนาดความเข้มข้น 0.25 ppm
สิ่งที่พึงระวังในการใช้ปุ๋ย คือการผสม เป็นสารละลาย เพื่อให้สะดวกในการใช้ อาจเกิดแก๊สขึ้น ในขวดเมื่อเก็บไว้นาน จากการสลายตัวของปุ๋ย ดังนั้น ปุ๋ยที่ดีจึงควรเป็นปุ๋ย ที่ทำเป็นสารละลาย แล้วอยู่ตัวได้นาน ไม่เสื่อมสภาพง่าย ในชั้นกรวดที่พื้นตู้ เราอาจใส่ปุ๋ยเม็ดสำเร็จรูป ที่มีขายตามร้าน ขายพรรณไม้น้ำ ก็จะช่วยให้พรรณไม้น้ำเจริญได้ดีขึ้น
การให้ CO2
พรรณไม้น้ำ ที่ได้รับ CO2 จะเจริญเติบโต ได้ดีมาก มีใบกว้าง และสมบูรณ์ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ปกติตู้ปลาที่ใส่ปลาอาจมี CO2 จากการหายใจ ของปลาและสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ บ้าง แต่ไม่เพียงพอ จึงต้องให้ CO2 เสริม CO2 นอกจากจะเป็น ประโยชน์กับ พรรณไม้น้ำ ที่เกี่ยวกับการสังเคราะห์ แสงแล้ว ยังช่วยรักษา pH และ ความกระด้างของน้ำให้พอเหมาะ สำหรับการเลี้ยงปลาด้วย
ปริมาณ การให้ก๊าซ CO2 ขึ้นอยู่กับความกระด้าง และ pH ของน้ำ หาก pH ต่ำกว่า 7 ไม่ควรให้ ก๊าซ CO2 ปริมาณที่พอเหมาะ สำหรับ การให้ก๊าซ CO2 คือ 5-15 mg/l แต่ไม่ควรเกิน 20 mg/l การให้ CO2 มากเกินไป จะก่อให้เกิดผลเสีย กับปลาและ คุณภาพของน้ำ ไม่ควรให้ก๊าซ CO2 ในเวลากลางคืน หรือเมื่อปิดไฟตู้ปลา เนื่องจากพรรณไม้ น้ำ ไม่ได้ทำการสังเคราะห์แสง เครื่องให้ก๊าซ CO2 ที่ทันสมัยจะมีการควบคุม ปริมาณ CO2 ในน้ำ ไม่ให้สูงเกินไป แบบอัตโนมัติ อย่างไรก็ดีหาก สามารถตรวจ สอบ ปริมาณ ก๊าซ CO2 ในน้ำ ไม่ให้สูงเกิน 20 mg/l จะแน่นอนที่สุด
วิธีการให้ก๊าซ มีหลายวิธี อาจใช้ถังก๊าซ CO2 เปิดสาย ต่อผ่าน หัวฟู่ลงในน้ำ ส่วนใหญ่จะมีเครื่องควบคุม ปริมาณที่พอเหมาะแบบ อัตโนมัติ หรือใช้ชุดผลิต ก๊าซ CO2 สำเร็จรูป (CO2 KIT) สำหรับพรรณไม้น้ำ ซึ่งมีจำหน่ายตามร้านขายพรรรณไม้น้ำใหญ่ๆ ก็ได้
เมื่อมีอุปกรณ์ ต่างๆ พร้อมแล้ว ทำการจัด เตรียมตู้ปลา โดยการตั้งตู้ ปลาบนฐานที่มั่นคง ทำการจับระดับ ของตู้ให้ดี ก่อนใส่น้ำเต็มตู้ การขยับหรือเคลื่อนย้าย ตู้ปลาภายหลัง ที่จัดตู้และใส่น้ำแล้ว เป็นเรื่อง ที่ไม่สะดวก และอันตรายหลัง จากตั้งตู้เรียบร้อย ทำการล้าง กรวดหลายๆ รอบด้วยน้ำสะอาด เพื่อช่วยให้ น้ำในตู้ใสเร็วขึ้น ก่อนใส่ กรวด ปูพื้นตู้ด้วย ปุ๋ยเม็ด แล้วทับด้วยกรวด ไม่หนาหรือบางเกินไป หากบางเกินไป จะยึดพรรณไม้น้ำ ไม่อยู่หาก หนาเกินไป จะทำให้เกิดการ อับในชั้นล่างๆ ทำให้เกิด ก๊าซ ไฮโดรเจนซัลไฟด์ มีลักษณะสีดำ บริเวณ กรวด ซึ่งจะเป็นพิษ กับพรรณไม้น้ำและปลาได้
สิ่งตบแต่ง ภายในตู้ซึ่งอาจจะประกอบไปด้วยขอนไม้ ก้อนหินที่มีรูปทรงสวยงาม อาจมีขอนไม้บ้าง ตู้พรรณไม้น้ำ ที่สวยอยู่ที่พรรณไม้น้ำที่จัดอย่างหนาแน่น มีการไล่ระดับแบ่งเป็นกลุ่ม และมีความหลากหลาย ของรูปทรงและสีสัน ภายหลังใส่กรวด หรือขอนไม้แล้ว เติมน้ำประปาที่พักไว้ 2-3 วัน ลงไปประมาณ ครึ่งตู้ ติดตั้งปั๊มกรองมุมตู้ เข้าที่มุม ตู้ปลา หากมีชุดสำเร็จรูป สำหรับ ทำก๊าซ CO2 จะต้องทำการ ติดเก็บก๊าซที่มีมา ในชุดนั้น ภายในตู้ปลาก่อนใส่น้ำ หลังจากนั้น เติมน้ำครึ่งตู้ จึงเริ่มทำการปลูก พรรณไม้น้ำลงตู้ได้
พรรณไม้น้ำมี หลากหลาย ชนิด ดังจะ แนะนำ ต่อไป แต่ละชนิด มีการ เจริญ เติบโต เร็วช้า ต่างกัน พรรณ ไม้น้ำ ที่โต หรือยืด ตัวเร็ว ควรจัด อยู่ด้านหลัง ฉาก พวกที่ เป็น พุ่มไม่สูง มาก หรือสูง ปานกลาง จะจัดอยู่ ตรงกลาง ส่วน ด้านหน้า นิยมพรรณ ไม้น้ำเตี้ย ๆ โตช้า การจัด ลำดับ ความสูง จากด้านหน้าพรรณไม้น้ำ จะไม่บังกัน พรรณไม้น้ำที่ต้องการแสงมาก ก็อยู่ริมห่างออกมา ส่วนใหญ่พวกที่ต้องการแสงมาก จะมีสีแดง ในต่างประเทศ จะมีการวางแปลน การจัด พรรณไม้ น้ำ ก่อนจัด จริง จัดพรรณไม้น้ำ เป็นกลุ่มๆ ทำให้ได้ ตู้พรรณไม้น้ำ ที่สวยงาม ตัวอย่าง ประเทศ เนเธอร์แลนด์ ซึ่งมีชื่อเสียง มาก ในรูปแบบ การจัด ตู้พรรณ ไม้น้ำ ซึ่งเรียก ตู้ลักษณะ ดังกล่าว ว่า Dutch Tank
การปลูกพรรณไม้น้ำ ลงในตู้ ควรปลูกด้วยความระมัดระวัง ตัวอย่างเช่น พรรณไม้น้ำ บางชนิด ที่ขยายพันธุ์ได้ ด้วยการตัดข้อปัก (Stem Plant) ตัวอย่างเช่น สาหร่าย ฉัตร (Cabomba) ขาไก่ (Hygrophila)ควรตัดโคนล่างทิ้งก่อนปลูก เนื่องจากอาจ มีการช้ำจะทำ ให้เน่าเสียได้ การตัดโคนทิ้ง ไม่มีปัญหา พรรณไม้น้ำ สามารถเจริญเติบโต ขึ้นได้ดี สำหรับพวกที่เป็นต้น มีใบแผ่ ออกจากรอบๆ โคนต้น (Rosett Plant) เช่น เทป (Vallisneris) Stricta, Amazon เป็นต้น พวกนี้มักมีรากยาว เวลาปลูกควรตัดรากให้เหลือเพียงเล็กน้อย เพื่อให้งอกรากใหม่ เนื่องจาก รากเก่า จะไม่ทำหน้าที่ดูด ซึมอาหารได้ดีแล้ว และรากที่ยาว จะทำให้การฝัง ลงในชั้นกรวดทำได้ลำบาก รากมันโผล่ หรือไปทับกับ รากต้นอื่น การตัดรากจึงทำให้ สะดวก ในการปลูก
พรรณไม้น้ำ ที่จะนำมา ปลูกควร ตัดใบที่เน่า หรือไม่ สมบูรณ์ ออกเสีย ก่อน การปลูกควร ทำอย่างเบาๆ อย่าให้พรรณ ไม้น้ำ กระทบ กระเทือน มากเกินไป อย่าฝัง ลึกเกินไป เมื่อฝังต้น ลงไปแล้ว ให้ดึงขยับขึ้นเล็กน้อย เพื่อให้ กรวดรอบๆ โคนต้น อยู่ในลักษณะ ที่เรียบเสมอ และไม่แน่นเกินไป การปลูก แต่ละกลุ่ม ของพรรณไม้น้ำ ให้ปลูกทีละ 3-5 ต้นต่อกันไป การปลูกทีเดียว เป็นกำหรือมัด โคนอาจเน่า ได้โดย เฉพาะสาหร่าย หรือพรรรณไม้น้ำ ที่ขายกันทั่วไป จะรัดด้วยหนังยาง หรือเชือกเป็นกำ จะต้องเอา ออกเสียก่อน ถ้าเป็น สาหร่าย ให้ตัดโคนทิ้ง พวกที่เป็นต้น ให้เลือก เฉพาะต้นที่สมบูรณ์ มาปลูก การฝังพรรณไม้น้ำ ส่วนใหญ่โคนจะเน่า หรือบอบช้ำเกินไป ก่อนการปลูก พรรณไม้น้ำ หากสามารถล้าง พรรณไม้น้ำให้ สะอาดและ แช่ในสารละลายด่างทับทิมอ่อนๆ สักครู่หนึ่ง จะช่วยกำจัด ตะไคร่น้ำ ตัวอ่อนของหอย และศัตรูของปลาต่างๆ ที่ติดมาได้
การดูแลรักษาพรรณไม้น้ำ การดูแลโดยทั่วไป ได้แก่ การตัดหรือเก็บใบเหลือง ใบเน่าออก พร้อมกับการ ทำความ สะอาด ทั่วไป เช่น ตะไคร่ บนกระจก หรือ ทำความสะอาด เครื่องกรองน้ำ พรรณไม้น้ำที่ยาวเกินไป ส่วนใหญ่ เป็นพวกสาหร่าย เช่น สาหร่าย ฉัตร หรือ อื่นๆ ที่จัดเป็นฉากหลังอาจยาว เร็วปรกมาทางด้านหน้า ทำให้บังแสง พรรณไม้น้ำ ที่อยู่ด้านหน้าตู้ ควรนำออกมา ตัดโคนทิ้ง แล้วปักลงไปใหม่ ไม่ควรตัดยอดทิ้ง เพราะจะทำให้ ยอดใหม่ที่เกิด ขึ้นเร็วกว่าเดิม ส่วนที่ปักใหม่ จะยาวขึ้นมาได้เร็ว พรรณไม้น้ำที่มีใบยาว เช่น เทป สามารถตัด ปลายใบออกได้
ควรทำการเปลี่ยนน้ำประมาณ 20- 30 % เดือนละ 1 ครั้ง เพื่อให้น้ำบริสุทธิ์ มากยิ่งขึ้น และเจือจางของเสียที่เกิดขึ้น หากมีหอย เกิดขึ้นในตู้ ซึ่งอาจกินพรรณไม้น้ำ อาจใช้วิธีจับออก หรือ ใส่ปลา ปักเป้า จุดตัวเล็กๆ ลงไปชั่วคราว เพื่อกินหอย ก็ได้ ควรเช็ค สภาพของ หลอดไฟที่ใช้ หลอดฟลูออเรสเซนท์ที่ใช้ ครบ 6 เดือน ควรเปลี่ยนใหม่ ตู้ที่มีตะไคร่ อาจใส่ปลา กินตะไคร่น้ำ เช่น ปลามิดไนท์ ปลาน้ำผึ้งเป็นต้น ปลาจะช่วยกินตะไคร่น้ำเล็กๆ และช่วยทำความสะอาดใบไปด้วย ไม่ควรใส่ปลากิน ตะไคร่น้ำพวก ปลาซัคเกอร์ เพราะปลาจะโตเร็ว ปลาที่โตแล้วจะจับออกได้ยาก และอาจรื้อ พรรณไม้น้ำ ให้เสียหายได้ ปลาบางชนิดจะกิน พรรณไม้น้ำ เช่น ปลาทอง ปลาซิลเวอร์ดอลล่า จึงควรเลือกปลา ที่ไม่กิน พรรณไม้น้ำ โดยขอคำแนะนำ จากร้านค้าปลาสวยงาม ควรตรวจเช็คคุณภาพน้ำอย่างสม่ำเสมอ และ ระมัดระวัง อย่า ให้อุณหภูมิสูงหรือต่ำ เกินไป หากมีปลาป่วยไม่ควรใส่สารเคมี รักษาโรคปลาลงในตู้ ควรแยกออกมารักษาโรคปลา และควรใส่ปุ๋ย อย่างสม่ำเสมอ
ชนิดของพรรรณไม้น้ำ
พรรณไม้น้ำ มีให้เลือกมากมายหลายชนิด มีรูปทรงสีสันต่างๆ กัน กลุ่มพรรณไม้น้ำ ที่นิยม ปลูกมีอยู่ด้วยกันหลายกลุ่ม เช่น
Rosette Plants
พวกที่มีใบงอก ออกจากด้านข้างรอบ ๆ โคนต้น ชนิดที่ปลูกได้ดีในตู้และ เป็นที่นิยม ได้แก่ Aponogeton, Anubias, Crytocoryne, Crinum, Nymphea, Echinodorus, Sagittaria, Vallisneria, เป็นต้น
การขยายพันธุ์ ของพืชในกลุ่มนี้ ส่วนใหย๋จะเป็นลักษณะเลื้อยไปตามพื้น มีต้นเล็กเกิดเป็นระยะ เรียกว่า Runner บางชนิดแยกแกะจากหัวไปปลูกต่อได้
Stem Plants
เป็นพวกที่มีลักษณะใบเกิดตามข้อ ข้อละ 2-3 ใบ ยาวตลอดลำต้น ชนิดที่นิยมและปลูกได้ดีในตู้ ได้แก่ สกุล สาหร่ายฉัตร (Cabomba) ขาไก่ (Hygrophila), Alternanthera, Nomaphila, Egeria, Lugwigia, Bacopa, Myriophyllum, Rotala, และ Ammania เป็นต้น
การขยายพันธุ์ พืชในกลุ่มนี้ ส่วนใหญ่ใช้วิธี ตัดลำต้น ระหว่างข้อลงปักลงในชั้นกรวด พรรณไม้น้ำกลุ่มนี้ จัดได้ว่าขยายพันธุ์ได้ง่าย โตเร็ว นิยม ปลูกเป็นฉากหลัง หรือแนวกลางตู้
Other Plants
เช่น พวกลอยน้ำ ได้แก่ กระจับ ดอกจอก กลุ่มของ เฟิรน์ ที่นิยมมาก คือ Microsorum และกลุ่มของ Moss ที่นิยมมาก คือ Java Moss (Vesicularia Dubyana) ซึ่งมีอยูในประเทศไทย มีการส่งออกไปขายเป็นจำนวนมาก เนื่องจากความสวยงามปลูกง่าย
การเลือกพรรณไม้น้ำ
มาปลูกควรเลือกพรรณไม้น้ำ ที่มีลักษณะสมบูรณ์ โดยสังเกตจากใบที่มีลักษณะ ลำต้นและใบยืดตรงมีสีเข้ม ควรเลือกพรรณไม้น้ำที่มีอายุน้อย หรือเลือกต้นเล็กมาปลูก เพราะปรับตัวได้ดีกว่า ต้นใหญ่ ใบที่มีตะไคร่น้ำหรือใบเหลืองช้ำที่ติดมาให้ตัดออกก่อนปลูก และต้องสังเกตให้ดีว่าเป็นพืชน้ำแท้ไม่ใช่ พืชบก เนื่องจากบางครั้ง ร้านค้านำเอาพืชบก มาขายปนกับพรรณไม้น้ำ เช่น ต้นไผ่กวนอิม หรือต้นเศรษฐี เรือนนอก เป็นต้น เพราะจะอยู่ได้ไม่นาน
การขนส่งพรรณไม้น้ำ
ควรใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ชุบน้ำให้ชุ่ม ห่อ พรรณไม้น้ำแล้วใส่ลงใน ถุงพลาสติกเปิดปาก พรรณไม้น้ำ ในถุงจะอยู่ได้นาน 1-2 วัน การจัดพรรณไม้น้ำ ในตู้ให้ถือหลัก ต้นสูงอยู่หลังไล่ระดับลงมา การปลูกให้สวยอยู่ที่การจัดพรรณไม้น้ำไล่ระดับเป็นชั้นๆ โดย ปลูกเป็นกลุ่มๆ ชิดกัน ในกลุ่มพรรณไม้น้ำ ชนิดเดียวกัน โดยเฉพาะกลุ่ม ที่ตัดปักข้อได้ เช่น ขาไก่ ควรตัด ข้อไล่ระดับ เวลาปลูก จะสวยงามมาก เพราะจะโตไล่กันเป็นชั้นๆ ตู้พรรณไม้น้ำ ที่จัดพรรณไม้น้ำหนาแน่น และมีระดับไล่กันเป็นชั้นๆ เป็นกลุ่มๆ รวมทั้งการจัดให้มีสีสัน สลับกันจะทำให้ตู้พรรณไม้น้ำ ออกมาสวยงามยิ่ง
การเลือกปลา ที่ใส่ในตู้พรรณไม้น้ำ
ตู้พรรณไม้น้ำ ไม่จำเป็นต้องใส่ปลามาก ปลาเป็นเพียงส่วน ประกอบให้เกิดความเคลื่อนไหว และมีสีสันเพิ่มเติม ส่วนใหญ่ปลาที่ใส่จึง นิยมใส่ปลาขนาดเล็กเป็นฝูง จะแลดูสวยงาม ปลาที่นิยมใส่ส่วนมาก จะเป็น ปลานีออน ปลาซิวขนาดเล็ก เช่น ปลาซิวข้างขวาน ซิวหางกรรไกร เป็นต้น รวม ทั้งนิยมใส่ ปลาที่ช่วยกินตะไคร่น้ำ และทำความสะอาดใบ พวก ปลามิดไนท์ ปลาเล็บมือนาง ปลาน้ำผึ้ง เป็นต้น
การใส่ปลาควรรอให้น้ำในตู้พรรณไม้น้ำ ที่ปลูกเสร็จแล้วใส ดีเสียก่อน ปลาจะไม่เกิดอาการเครียด และปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ได้ง่าย และควรกักโรคปลาไว้ก่อนจนมั่นใจ ว่าปลาไม่มีโรคติดมา แล้วจึงปล่อย ปกติจะใช้วิธีแยกปลาใส่ยากำจัดพยาธิ เช่น ฟอร์มาลิน 25 ppm สัก 2-3 วัน เพราะหากปลา มีอาการป่วยในตู้พรรณไม้น้ำ การใส่ยาลงในตู้ปลาอาจมีปัญหากับพรรณไม้น้ำได้ ปลาหลายชนิดกินพรรณไม้น้ำ เป็นอาหาร เช่น ปลาทอง ปลาตะเพียน เป็นต้น ไม่ควรใส่ลงไป ปลาอื่นๆ ที่โตเร็ว และเมื่อโตเต็มที่ มีขนาดใหญ่ ก็ไม่ควรใส่ลงไป เพราะจะเป็นปัญหาในการจับออก และ อาจรื้อพรรณไม้น้ำในตู้ได้
ตู้พรรณไม้น้ำสวยงามดังกล่าวข้างต้น เป็นงานอดิเรก แนวใหม่ ที่สวยงาม มีพรรณไม้น้ำหลายชนิดมีรูปร่างลักษณะและสีสันต่างๆ มากมายอยู่ทนนาน ใช้ตบแต่งอาคารสถานที่ต่างๆ ได้อย่างดี การดูแลรักษาก็ไม่ยุ่งยากและดูเป็นธรรมชาติ เนื่องจากพรรณไม้น้ำ มีความสวยงามสีเขียว สบายตา มีการเจริญเติบโต ปลาที่เลี้ยงอยู่ด้วย ก็จะมีสุขภาพดี กว่าอยู่ตู้ปลาธรรมดา นอกจากนี้ การเพาะขยายพันธุ์ พรรณไม้น้ำ ก็เป็นอาชีพใหม่ของเกษตรกรไทย ที่มีอนาคตที่ดี จะผลิตส่งออกไปขาย ยังต่างประเทศ โดยที่สภาพภูมิอากาศในประเทศไทย มีความเหมาะสม มีพรรณไม้น้ำในธรรมชาติมากมาย มีเทคโนโลยี การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ (Tissue Culture) มาขยายพันธุ์ พรรรณไม้น้ำราคาแพง เช่น ปัจจุบัน มีการขยายพันธุ์ Anubias nana ด้วยวิธีดังกล่าว ขายไปยังต่างประเทศ มากมายเนื่องจากราคาดี อาชีพการขยายพรรณไม้น้ำ ขายจึงเป็นอาชีพที่มีอนาคตสดใส นอกจากนี้ การจัดตู้พรรณไม้น้ำ เป็นงานอดิเรก ที่น่าส่งเสริม แทนการเลี้ยงปลาหรือสัตว์อื่น ที่ทำลายทรัพยากร เช่น การเลี้ยงปลาทะเล ที่เลี้ยงไปได้เพียงระยะหนึ่ง ก็จะตายหมด ไม่มีการเพาะขยายพันธุ์ขึ้นมาเองได้เลย เป็นการจับจากธรรมชาติทั้งสิ้น พรรณไม้น้ำนั้นขยายพันธุ์ได้ง่าย ตู้พรรณไม้น้ำ จะดูชุ่มชื่น สร้างบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติ ได้เป็นอย่างดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น